fbpx

Instagram จะปรับโพสต์วิดีโอให้เป็น Reels ทั้งหมด

0

instagram ได้ออกมาประกาศแล้วว่าโพสต์วิดีโอใหม่บน Instagram จะถูกแชร์เป็น Reels ทั้งหมด เพราะจะทำให้สมจริงและสนุกสนานยิ่งขึ้น โดยได้เพิ่มเครื่องมือเพื่อทำให้ตัดต่อวิดีโอได้สนุกขึ้น และโพสต์วิดีโอใหม่ที่สั้นกว่า 15 นาทีจะถูกแชร์เป็น Reels และจะอยู่ในหน้าโปรไฟล์ทั้งหมดภายในอีกไม่กี่สัปดาห์ข้างหน้า วิดีโอที่โพสต์ก่อนการเปลี่ยนแปลงนี้จะยังคงเป็นวิดีโอและจะไม่กลายเป็น Reels สำหรับวิดีโอใหม่ที่เป็นบัญชีสาธารณะอาจมีสิทธิ์ได้รับการแนะนำและแสดงต่อผู้คนจำนวนมากขึ้นบน Instagram
posting a video and seeing all reels in your profile
นอกจากนี้ Instagram ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ต่างๆ อีกหลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการเพิ่มฟีเจอร์มิกซ์รูป ซึ่งสามารถเพิ่มรูปของคนอื่นที่เป็นโพสต์สาธารณะลงไปในวิดีโอ, Layout ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นแนวตั้ง แนวนอน หรือ Green Screen ตัดต่อ หรือซ้อนรูปภาพเพื่อเพิ่มคำอธิบายวิดีโอของคุณเอง หรือการมิกซ์วิดีโอตัวเองกับคนอื่นเพื่อทำการ Duet กัน และยังมีเทมเพลตต่างๆ เพื่อให้สร้างวิดีโอได้ง่ายขึ้น พิเศษสุดกับฟีเจอร์ Dual สามารถบันทึกเนื้อหาและปฏิกิริยาของคุณในเวลาเดียวกัน โดยคุณสามารถบันทึกโดยใช้กล้องด้านหน้าและด้านหลังของโทรศัพท์พร้อมๆ กันเพื่อแชร์ให้กับผู้ติดตามได้
.
.
ที่มา : Instagram

เกาะติดข่าวสารการตลาดออนไลน์ เทคนิคการโปรโมทโฆษณากับอินดิจิทัล

ติดต่อเรียนการตลาดออนไลน์กับอินดิจิทัล แอดไลน์ ไอดี @inDigital

ติดตามบน Facebook Fanpage : InDigital News

Google Maps เพิ่มฟีเจอร์ แจ้งเพื่อนเมื่อถึงปลายทางได้แล้ว

0

ในปัจจุบันผู้คนต่างหันมาใช้ Google Maps เพื่อวางแผนการเดินทางและค้นหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์เกี่ยวกับสถานที่ที่วางแผนจะไปเยือน เช่น เวลาเปิดทำการและสถานที่แออัด เพื่อช่วยคุณในการวางแผนการเดินทาง ซึ่งตอนนี้ Google Maps ได้มีการอัพเดทใหม่ เป็นประสบการณ์ที่จับคู่ AI กับสตรีทวิว ดาวเทียม และภาพถ่ายทางอากาศที่มีความละเอียดสูงหลายพันล้านภาพ สมมติว่าคุณกำลังวางแผนเดินทางไปนิวยอร์ก ด้วยการอัพเดตนี้ คุณจะเข้าใจได้ว่าตึกเอ็มไพร์สเตทเป็นอย่างไรในระยะใกล้ เพื่อให้คุณตัดสินใจได้ว่าต้องการเพิ่มในแผนการเดินทางของคุณหรือไม่ หากต้องการดูมุมมองทางอากาศไม่ว่าจะอยู่ที่ใด ให้ค้นหาสถานที่สำคัญใน Google Maps แล้วไปที่ส่วนรูปภาพ
GIF of Location Sharing notifications controlsและนอกจากนี้ Google ยังได้เพิ่มฟีเจอร์ใหม่เพื่อเชื่อมต่อและเพิ่มความปลอดภัยยิ่งขึ้นขณะเดินทาง ด้วยการแจ้งเตือนการแชร์โลเคชั่น คุณสามารถดูได้เมื่อคนที่คุณรักมาถึงหรือออกจากสถานที่ใดที่หนึ่ง เพื่อให้คุณสามารถเตรียมตัวได้ง่ายขึ้นและสร้างความอุ่นใจ สมมติว่าคุณกำลังจะไปคอนเสิร์ตกับกลุ่มเพื่อน หากพวกเขาได้เลือกที่จะแชร์ตำแหน่งกับคุณแล้ว คุณสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับที่อยู่ของสถานที่จัดคอนเสิร์ต เพื่อดูว่าพวกเขามาถึงเมื่อไหร่และพบกันได้อย่างรวดเร็ว คุณยังสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนเพื่อดูว่าพวกเขาออกจากสถานที่แล้วเมื่อใด เผื่อในกรณีที่คุณแยกจากกันอีกด้วย โดยสามารถตั้งค่าการแจ้งเตือนสำหรับผู้ที่ได้เลือกที่จะแชร์ตำแหน่งกับคุณแล้วเท่านั้น บุคคลที่แชร์ตำแหน่งกับคุณจะได้รับการแจ้งเตือนหลายครั้งเพื่อแจ้งให้ทราบ ซึ่งรวมถึงข้อความแจ้งเตือนในแอพ Maps และอีเมล์ แต่ว่าคุณเลือกที่จะหยุดแชร์ตำแหน่งของคุณหรือบล็อกผู้อื่นจากการตั้งค่าการแจ้งเตือนทั้งหมดได้
.
.
ที่มา : Google

เกาะติดข่าวสารการตลาดออนไลน์ เทคนิคการโปรโมทโฆษณากับอินดิจิทัล

ติดต่อเรียนการตลาดออนไลน์กับอินดิจิทัล แอดไลน์ ไอดี @inDigital

ติดตามบน Facebook Fanpage : InDigital News

 

 

13 แอพอันตราย รีบลบด่วน! ก่อนถูกแฮ็ก

มีรายงานจาก Kaspersky บริษัทรักษาความปลอดภัยด้านไอที ว่า พบแอพพลิเคชัน Joker หรือแอพฯ ที่มีโฮสต์มัลแวร์อันตราย ที่สามารถขโมยเงินสดของผู้ใช้ อ่านข้อความ และสอดแนมการทำงานต่าง ๆ ภายในเครื่องได้ โดยมีทั้งสิ้น 13 แอปฯ และแนะนำให้ผู้ใช้ลบทิ้งทันที

1. Battery Charging Animations Battery Wallpaper >> Apps นี้หลอกว่าจะแสดงผล Animation แบตเตอรี่ในหน้า Wallpaper
2. Classic Emoji Keyboard >> หลอกเป็น Keyboard Emoji
3. Battery Charging Animations Bubble -Effects >> คล้ายกับ Apps แรก
4. Easy PDF Scanner >> โปรแกรมสแกน PDF คาดว่าจะต้องกดซื้อเพื่อให้สแกนได้แบบไม่มีลายน้ำ
5. Dazzling Keyboard >> โปรแกรม Keyboard
6. Halloween Coloring >> Theme เครื่อง
7. EmojiOne Keyboard >> หลอกเป็น Keyboard Emoji
8. Flashlight Flash Alert On Call >> เตือนให้ Flash มือถือเปิดเมื่อมีสายเรียกเข้า
9. Volume Booster Hearing Aid >> ปรับเสียงดังเมื่อมีภาวฉุกเฉิน
10. Now QRcode Scan >> โปรแกรมสแกน QR Code
11. Volume Booster Louder Sound Equalizer >> โปรแกรมปรับแต่รูปแบบเสีย
12. Superhero-Effect >> Effect ของเครื่อง
13. Smart TV remote >> หลอกเป็นรีโมตควบคุมเครื่อง

สำหรับมัลแวร์ Joker นั้นมีการรายงานมาตั้งแต่ปี 2021 แล้ว ซึ่งความอันตรายนั้นถือว่ารุนแรงมาก ซึ่งครั้งแรกมีการเปิดเผยโดยนักวิจัยความปลอดภัยจาก Predeo ระบุไว้ว่าพบว่ามีการระบาดในแอพบน Google Play Store โดยแอพกลุ่มแรกคือ Color Message ตรวจจับพบเจอ ซึ่งตัว Color Message เป็นกลุ่มที่เข้าถึงการปรับแต่ง SMS ตามใจชอบแล้วแต่ผู้ใช้งาน หรืออาจจะมีโปรแกรมรูปแบบอื่นบ้างแล้ว เป้าหมายของ Joker นั้นคือกลุ่มที่กดซื้อของในแอพหรือกดติดตาม และแอบสมัครโดยจำลองการกดและแทรกข้อมูล เท่ากับสามารถขโมยข้อมูล SMS, รายชื่อ, ข้อมูลภายในและอาจจะเป็นรหัสสำคัญได้ และมีการอธิบายว่า Joker เป็นมัลแวร์ที่ตรวจสอบได้ยากเพราะใช้ Code ที่เล็กน้อยแต่แอบได้มิดและซ่อนตัวตนหลัง icon ได้ แม้ว่า Google จะลบกลุ่มของ Color Message แต่แอพที่มีรายชื่อด้านบน มีความเสี่ยงเช่นกันนั่นเอง
.
.
ที่มา : Anti-Fake News Center Thailand

เกาะติดข่าวสารการตลาดออนไลน์ เทคนิคการโปรโมทโฆษณากับอินดิจิทัล

ติดต่อเรียนการตลาดออนไลน์กับอินดิจิทัล แอดไลน์ ไอดี @inDigital

ติดตามบน Facebook Fanpage : InDigital News

9 เทรนด์การตลาดบน Google ที่มาแรงในปี 2022

เทรนด์ที่ 1 :  ใช้แคมเปญ Performance Max ในการโฆษณา

ทุกแคมเปญ Google Ads ที่ใช้งานควรเริ่มต้นด้วย Smart Campaign ซึ่งดูแลการกำหนดเป้าหมายและการเพิ่มประสิทธิภาพ เพราะเหมาะสำหรับธุรกิจทุกขนาดและทุกประเภท เพื่อให้มีประสบการณ์การโฆษณาแบบอัตโนมัติโดยสมบูรณ์ที่สุด และเป็นตัวเลือกที่ง่ายและผู้ที่ลงโฆษณาเตรียมขั้นตอนไม่กี่อย่าง ดังนี้

  1. วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของแคมเปญ เช่น CPA, ROAS
  2. ครีเอทีฟโฆษณา เช่น รูปภาพหรือวิดีโอ และ CTA
  3. งบประมาณ
  4. การเสนอราคา เช่น CPA สูงสุดหรือมูลค่า/การแปลงเป้าหมาย
  5. สถานที่ตั้ง ภาษา และการตั้งเวลาโฆษณา

ด้วยเหตุนี้ ผู้โฆษณาจะเข้าถึงผู้ใช้ได้ง่ายและไวกว่าเดิม ข้อดีอย่างหนึ่งที่แคมเปญ Performance Max มีเหนือแคมเปญอื่นๆ คือช่วยให้นักการตลาดโฆษณาได้ในทุกช่องทางที่ Google เป็นเจ้าของ เช่น YouTube, Display, Search, Discover, Gmail หรือ Maps ถึงแม้แคมเปญนี้จะเพิ่งมีขึ้นได้ไม่นาน แต่ Google เองก็จะจะเปลี่ยนแนวการโฆษณาให้ดีในปีต่อ ๆ ไป
Google's Performance Max campaignsเทรนด์ที่ 2 : แคมเปญในพื้นที่

แคมเปญในพื้นที่เป็นตัวเลือกส่งเสริมการขายอันดับต้นๆ ที่ธุรกิจในท้องถิ่นใช้เพื่อดึงดูดผู้มีโอกาสเป็นลูกค้าให้มาเยี่ยมชมร้านค้าของตนมากขึ้น แคมเปญ Google Ads ในพื้นที่ใช้เน้นใช้คำค้นหา เช่น “Joe’s Pizza” “พิซซ่าที่ดีที่สุดในกรุงเทพ” หรือ “พิซซ่าที่ดีที่สุด 90017” ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากสำหรับผู้ใช้ที่ค้นหาจากสมาร์ทโฟน โฆษณาจะแนะนำและจะแสดงร้านค้าอัตโนมัติในผลลัพธ์ เมื่อผู้ใช้ค้นหาธุรกิจที่อยู่ใกล้สถานที่ตั้งของตน ตัวอย่างเช่น หากผู้ใช้ค้นหา “เปลี่ยนถ่ายน้ำมันเครื่อง” พวกเขาจะได้รับโฆษณาสำหรับธุรกิจที่อยู่ใกล้เคียงในผลการค้นหาแผนที่ ดังเช่นตัวอย่าง
เทรนด์ที่ 3 : การเสนอราคา ROAS เป้าหมายสำหรับแคมเปญโฆษณา Video Action และ Discovery Ads

กลยุทธ์หนึ่งที่มีประโยชน์อย่างยิ่งคือ ROAS เป้าหมาย ซึ่งช่วยให้คุณเสนอราคาตามมูลค่า Conversion เฉลี่ยที่คาดการณ์ไว้ แทนที่จะเป็นอัตรา Conversion ที่คาดการณ์ไว้ ใช้ได้กับแคมเปญเกือบทุกประเภท ยกเว้นแคมเปญ Video Action และ Discovery Ads แต่นั่นกำลังจะเปลี่ยนไป เนื่องจาก Google ได้ประกาศว่าจะอนุญาตให้มีการเสนอราคา tROAS สำหรับรูปแบบแคมเปญเหล่านี้ โดยมีข้อกำหนดดังนี้

  1. คุณจะต้องกำหนดมูลค่าสำหรับ Conversion ที่คุณกำลังติดตาม (คุณสามารถใช้ ROAS เฉลี่ยจากแคมเปญ Google Ads ที่มีอยู่เป็นจุดเริ่มต้นได้)

2 .แคมเปญการกระทำกับวิดีโอจะต้องสร้าง Conversion อย่างน้อย 15 รายการในช่วง 30 วันที่ผ่านมา ในขณะที่แคมเปญ Discovery จะต้องมี Conversion อย่างน้อย 75 รายการในช่วง 30 วันที่ผ่านมา (10 ของ Conversion เหล่านี้ต้องเกิดขึ้นใน 7 วันที่ผ่านมา)

เทรนด์ที่ 4 : ฟีดผลิตภัณฑ์สำหรับแคมเปญที่โฆษณาโดยวิดีโอ

หากคุณใช้โฆษณาวิดีโอเพื่อโปรโมตธุรกิจอีคอมเมิร์ซของคุณ Google ได้เพิ่มฟีดผลิตภัณฑ์ลงในแคมเปญการดำเนินการกับวิดีโอเมื่อไม่นานมานี้ สมมติว่าผู้ใช้เห็นโฆษณาวิดีโอที่โปรโมตผลิตภัณฑ์ของคุณ หลังจากนั้นไม่กี่วินาที YouTube จะแสดงโฆษณาผลิตภัณฑ์ของคุณทางด้านล่างหน้าจอ (ซึ่งจะแสดงบนสมาร์ทโฟนในแนวตั้งเท่านั้น) และถ้าผู้ใช้สนใจ ก็จะนำไปสู่ Landing Page ของผลิตภัณฑ์เพื่อดูข้อมูลเพิ่มเติม  ฟีเจอร์ใหม่นี้จะช่วยลดเวลาในการแปลง ปรับปรุงการระบุแหล่งที่มาของการขาย และที่สำคัญที่สุดคือเพิ่มยอดขายของคุณ

เทรนด์ที่ 5 : การสร้างแบบจำลอง Conversion ผ่านโหมดยินยอม

การเผยแพร่กฎระเบียบให้ความคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้บริโภค (GDPR) ได้บังคับให้ธุรกิจออนไลน์ใช้นโยบายความเป็นส่วนตัวของข้อมูลที่มีประสิทธิภาพมากขึ้น Google ก็ไม่มีข้อยกเว้น ในเดือนกันยายน ปี 2020 Google ได้เปิดตัวโหมดยินยอม ซึ่งเป็นวิธีการที่จะปรับเปลี่ยนวิธีการทำงานของแท็กของ Google ตามสถานะความยินยอมของผู้เยี่ยมชมเว็บไซต์ แม้ว่าเป้าหมายหลักของโหมดยินยอมคือการรักษาเว็บไซต์ให้สอดคล้องกับ GDPR แต่ก็สร้างปัญหาใหม่ให้กับนักการตลาด จนเมื่อเดือนเมษายน ปี 2021 Google ได้ดำเนินการตามขั้นตอนเพื่อแก้ปัญหานี้โดยทำให้รูปแบบ Conversion พร้อมใช้งานในโหมดคำยินยอม รูปแบบ Conversion ในโหมดคำยินยอมใหม่จะเปิดใช้การกู้คืนเส้นทางการระบุแหล่งที่มาระหว่างเหตุการณ์การคลิกโฆษณาและ Conversion Google ระบุว่าฟีเจอร์ใหม่นี้จะกู้คืนเส้นทางการคลิกเพื่อแปลงโฆษณาโดยเฉลี่ยมากกว่า 70%

เทรนด์ที่ 6 : คอนเวอร์ชั่นที่ปรับปรุงแล้ว

อีกวิธีหนึ่งในการปรับปรุงรูปแบบการระบุแหล่งที่มาของ Conversion ก็คือการใช้ Conversion ที่ปรับปรุงแล้ว Enhanced Conversions จะดึงข้อมูลที่ได้รับความยินยอมจากบุคคลที่หนึ่งซึ่งลูกค้าของคุณมอบให้ รวมถึงที่อยู่อีเมล ชื่อ ที่อยู่ หรือหมายเลขโทรศัพท์ โดยใช้อัลกอริธึม SHA256 และส่งโดยใช้แท็ก Conversion ของคุณ จากนั้น Google จะจับคู่ข้อมูล Conversion กับบัญชี Google ที่ลงชื่อเข้าใช้ และระบุแหล่งที่มาของข้อมูลดังกล่าวกับเหตุการณ์โฆษณาของคุณ เช่น การคลิกหรือการเรียกดู คุณสามารถตั้งค่าคอนเวอร์ชั่นที่ปรับปรุงแล้วด้วยตนเองโดยอาจจะใช้ Google Tag Manager หรือ แท็กที่ติดทั่วเว็บไซต์วิธีใดวิธีหนึ่ง

เทรนด์ที่ 7 : การใช้ Shopify Integration

ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา Shopify ได้กลายเป็นผู้นำของโลกการตลาดอีคอมเมิร์ซ Google ตอนนี้ “กราฟการช็อปปิ้ง” ของพวก Shopify จะเริ่มดึงข้อมูล (ราคา วิดีโอ ข้อมูลผลิตภัณฑ์) จากแพลตฟอร์มต่างๆ ของ Google เพื่อแจ้งให้ผู้เลือกซื้อออนไลน์ทราบว่าจะพบสินค้าได้ที่ไหน ได้รับสินค้ามากเพียงใด ผู้ขายรายใดมีราคาที่ดีที่สุด และอื่นๆ และ Google ได้ทำให้ผู้ค้าสามารถโปรโมตผลิตภัณฑ์ของตนบนแท็บ Shopping ได้ฟรีแล้ว ซึ่งจะช่วยให้ผู้ค้าเริ่มแสดงโฆษณาบนผลิตภัณฑ์และบริการของ Google ได้ทุกแห่ง

เทรนด์ที่ 8 : การค้นหาสินค้าด้วยรูปภาพ

เมื่อไม่นานมานี้ ผู้โฆษณาสามารถสร้างโฆษณาบนการค้นหาโดยใช้ข้อความเท่านั้น ซึ่งถือว่าทันสมัยกว่า Facebook อยู่มาก และในเดือนกรกฎาคม ปี 2020 Google ได้ประกาศเปิดตัวโปรแกรมเบต้าส่วนขยายรูปภาพสำหรับโฆษณาตามการค้นหา รูปภาพเหล่านี้สามารถคลิกได้และมีราคาเท่ากับโฆษณาแบบข้อความ โดย Google อนุญาตให้อัพโหลดรูปภาพที่เกี่ยวข้องกับคีย์เวิร์ด ที่คุณเสนอราคาได้สูงสุด 20 ภาพ ตราบใดที่ตรงตามข้อกำหนด

เทรนด์ที่ 9 : การจับคู่ข้อมูลลูกค้า

การจับคู่ข้อมูลลูกค้าเป็นฟีเจอร์ที่ช่วยให้คุณใช้ข้อมูลออนไลน์และออฟไลน์เพื่อกำหนดเป้าหมายลูกค้าเหล่านั้นผ่านช่องทางต่างๆ ของ Google และลูกค้ารายอื่นๆ ที่มีลักษณะคล้ายพวกเขา เมื่อคุณอัพโหลดรายชื่อลูกค้า คุณจะต้องรอดูว่าอัตราการจับคู่ของคุณจะเป็นอย่างไร (กล่าวคือ จำนวนผู้ใช้ที่ Google สามารถจับคู่ในฐานผู้ใช้ของพวกเขาได้) ตั้งแต่เดือนเมษายน ปี 2021 Google ได้เริ่มแสดงอัตราการจับคู่ข้อมูลลูกค้าแบบทันทีจากการอัพโหลดปัจจุบันและในอดีตของคุณ แม้ว่าจะดูเล็กน้อย แต่การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยให้คุณค้นหาและแก้ไขปัญหาการจับคู่ข้อมูลลูกค้าได้เร็วขึ้น เพื่ออัตราการจับคู่ข้อมูลลูกค้าที่ดีขึ้น Google ขอแนะนำให้เพิ่มข้อมูลลูกค้าให้มากที่สุด เพราะมีโอกาสเข้าถึงลูกค้าได้มากขึ้น
.
.
ที่มา : Single Grain

เกาะติดข่าวสารการตลาดออนไลน์ เทคนิคการโปรโมทโฆษณากับอินดิจิทัล

ติดต่อเรียนการตลาดออนไลน์กับอินดิจิทัล แอดไลน์ ไอดี @inDigital

ติดตามบน Facebook Fanpage : InDigital News